MENU

สั่งซื้อผ่านเว็ปไซด์ไม่เป็น? สั่งซื้อสินค้าผ่านไลน์ @69shopx ได้เลย (ซื้อ 6000 บาทขึ้นไป จัดส่งฟรี!!)

ถุงยางอนามัยใช้ถูกวิธีแล้วหรือยัง

media

"เลือก" ซื้อถุงยางอนามัยให้เหมาะกับตัวเอง

ถุงยางอนามัยในท้องตลาดมีหลายขนาดและหลายประเภทด้วยกัน ไล่เรียงตั้งแต่ขนาด 44 มิลลิเมตร ไปจนถึง 56 มิลลิเมตร แต่ขนาดที่มีจำหน่ายในประเทศไทยส่วนใหญ่ จะเป็นขนาด 49, 51 และ 52 มิลลิเมตร ซึ่งควรเทียบกับขนาดน้องชายของคุณว่า ผู้ชายจำเป็นต้องเลือกไซซ์ให้เหมาะสมกับขนาดอวัยวะเพศของตัวเอง เพราะหากเลือกขนาดที่เล็ก หรือ ใหญ่เกินไปจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาด หรือหลุดได้ง่ายในขณะมีเพศสัมพันธ์ และประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดก็จะลดลงด้วย

วิธีวัดขนาดให้เหมาะสมกับถุงยางอนามัย

วิธีวัดไซซ์ถุงยางอนามัยได้ง่ายๆ ด้วยการวัดเส้นรอบวงของอวัยวะเพศตอนแข็งตัวเท่านั้น อาจจะใช้เชือกพัน 1 รอบ เมื่อนำเชือกมากางออกก็จะได้เส้นรอบวง หลังจากนั้นให้นำขนาดที่วัดได้มาหาร 2 จะได้ขนาดที่พอดี จะเป็นขนาดของถุงยางอนามัยที่ลงตัวกับน้องชายของคุณ เช่น วัดเส้นรอบวงอวัยวะเพศได้ 10.6 เซนติเมตร นำมาหาร 2 จะได้ 5.3 เซนติเมตร เมื่อแปลงเป็นมิลลิเมตรก็จะเท่ากับ 53 มิลลิเมตร ดังนั้นถุงยางที่สามารภใช้ได้ก็คือ ขนาด 52-54 มิลลิเมตร

อ่านฉลากก่อนซื้อ สังเกตเครื่องหมาย อย.ที่แสดงบนบรรจุภัณฑ์ ตรวจสอบวันหมดอายุ หรือวันที่ระบุว่าต้องใช้ก่อนภาย ในวันที่เท่าไหร่ ซึ่งหากถุงยางอนามัยที่มีมาตรฐานจะมีระบุไว้ทั้งนอกกล่อง และบนซองของถุงยางอนามัยแต่ละชิ้น เวลาแกะผลิตภัณฑ์ออกมาจะต้องไม่มีร่องรอยการชำรุดฉีกขาด หรือสังเกตสีของถุงยางอนามัยว่ามีสีที่ผิดปกติหรือไม่ นิยมมากที่สุดอยู่ 6 ขนาด คือ 49, 51, 52, 53, 54 และ 56 มิลลิเมตร

"การเก็บ" รักษาถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง

ควรเก็บรักษาถุงยางอนามัยให้พ้นจากความร้อน หรือแสงแดด เช่น ในรถยนต์ ห้องครัว ไม่ควรเก็บในที่ชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ และไม่ควรเก็บไว้ในที่บีบรัดหรือถูกทับ เช่น กระเป๋าสตางค์ กระเป๋ากางเกง หนังสือ เป็นต้น

"ใช้" ถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง

ฉีกซองถุงยางอนามัยออกมาอย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ปากกัดหรือเล็บจิก แล้วเลือกด้านที่ถูกต้อง โดยเลือกด้านที่มีกระเปาะไว้ด้านนอก ใช้นิ้วมืออีกข้างบีบบริเวณหัวของถุงยางอนามัยเพื่อไล่อากาศ และสังเกตว่าไม่มีรอยรั่วหรือแตกออก สวมถุงยางอนามัยเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเท่านั้น โดยรูดลงมาให้จนสุด โคน เพื่อป้องกันการหลุดออกขณะที่กำลังมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งเมื่อเสร็จกิจเรียบร้อยแล้วก็ควรถอดออกขณะที่ยังแข็งตัวอยู่เหมือนกัน รวมถึงระยะเวลาในการใช้งานต่อ 1 ชิ้นไม่ควรเกิน 30นาทีโดยประมาณ เพราะคุณสมบัติของถุงยางอนามัยอาจเสื่อมสภาพลง ที่สำคัญคือใช้แล้วทิ้ง ไม่ควรนำกลับมาใช้ช้ำอีกรอบโดยเด็ดขาด ถ้าใช้ถึงยางอนามัยแล้วรู้สึกฝืด ให้หยดสารหล่อลื่นหรือเจลชนิดละลายในน้ำ บริเวณด้านนอกถุงยางอนามัย จะช่วยให้ราบรื่นขึ้น สารหล่อลื่นที่นำมาใช้กับถุงยางอนามัยนั้น ควรเลือกให้ถูกต้อง เพราะสารบางชนิดมีผลต่อถุงยางอนามัย หากใช้ผิด ก็มีโอกาสที่จะเกิดการฉีกขาดหลุดรั่วได้ง่าย

"ถอด" ถุงยางอนามัยให้ปลอดภัย

เมื่อเสร็จสิ้นการมีเพศสัมพันธ์แล้วให้ดึงอวัยวะเพศออกทันที และถอดถุงยางอนามัยออกในขณะที่อวัยวะเพศกำลังแข็งตัวอยู่ ควรใช้ทิชชู่จับทุกครั้ง เพื่อให้มือไม่สัมผัสโดนสารคัดหลั่งโดยตรง ควรห่อถุงยางอนามัยที่ใช้แล้วให้มิดชิดก่อนทิ้งถังขยะ และไม่ควรทิ้งในชักโครกเพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันได้
หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ในยกต่อไป ให้เปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ ห้ามใช้ซ้ำ เพราะประสิทธภาพและความทนทานของถุงยางจะลดลง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการตั้งครรภ์ขณะไม่พร้อมได้


ข้อควรรู้ก่อนใช้ถุงยางอนามัย

  1. ต้องสวมถุงยางอนามัยในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่เท่านั้น
  2. ควรใช้ถุงยางอนามัย 1 ชิ้น/1 ครั้ง ห้ามใช้ซ้ำ
  3. ไม่ควรใส่ถุงยางอนามัยหลายชั้น เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีและฉีกขาดได้ง่าย
  4. ห้ามใช้ถุงยางอนามัยชาย หากอีกฝ่ายมีการใช้ถุงยางอนามัยผู้หญิงแล้ว เพราะจะเพิ่มการเสียดสี ทำให้ถุงยางรั่ว หรือแตกได้
  5. ห้ามใช้โลชั่น น้ำมันทาผิว หรือครีมทาผมกับถุงยางอนามัยแทนสารหล่อลื่นเด็ดขาด เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยแตกและรั่วซึมได้
  6. ควรเก็บถุงยางอนามัยเอาไว้ในที่แห้งและเย็น
  7. หลีกเลี่ยงการเก็บถุงยางนามัยในที่ที่มีความชื้นสูง ถูกแสงแดด หรือแสงฟลูออเรสเซนต์ส่องโดยตรง เช่น ในรถยนต์ ในห้องน้ำ ในกระเป๋าสตางค์ เพราะจะทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมคุณภาพ
ความคิดเห็น: 0
ยังไม่มีความคิดเห็นในบทความนี้...
แสดงความคิดเห็น

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ. คุณจำเป็นต้องป้อนข้อมูลในช่องที่มีเครื่องหมาย *